ประวัติและผลงานในระดับอาชีพ ของ เรด อแดร์

อแดร์เกิดที่ฮิวสตัน รัฐเท็กซัส โดยเป็นบุตรชายของช่างตีเหล็กชาวไอริช[6] และได้เข้าศึกษาที่โรงเรียนมัธยมเรแกน เขาเริ่มทำหน้าที่เจ้าหน้าที่ดับเพลิงบ่อน้ำมันภายหลังจากการทำหน้าที่ของหน่วยทำลายล้างวัตถุระเบิดในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง โดยเขาเริ่มต้นอาชีพการทำงานให้แก่ไมรอน คินลีย์ ผู้ซึ่งเป็น"ต้นฉบับ"ของผู้ริเริ่มการดับเพลิงจากน้ำมันและระเบิด เขาได้ก่อตั้งบริษัท เรด อแดร์ จำกัด ใน ค.ศ. 1959 และเกินกว่าวิถีทางอาชีพของเขาสำหรับการต่อสู้กว่า 2,000 ครั้งที่บ่อน้ำมันทั้งในฝั่งและนอกฝั่ง ตลอดจนบ่อก๊าซธรรมชาติ รวมถึงการดับเพลิงที่น่าตื่นเต้นแบบเดียวกันนี้ อแดร์ได้รับความสนใจจากทั่วโลกใน ค.ศ. 1962 เมื่อเขาได้จัดการกับเปลวเพลิงที่แหล่งแก๊สที่มีชื่อว่าแกสซีทูวิลในทะเลทรายสะฮารา ประเทศแอลจีเรีย ที่ซึ่งได้รับการขนานนามว่าเป็นไฟแช็กของซาตาน โดยเปลวเพลิงสูง 450 ฟุต (140 เมตร) ได้คุกรุ่นตั้งแต่เวลาเที่ยงวันของวันที่ 13 พฤศจิกายน ค.ศ. 1961 จนถึงเวลาเก้าโมงครึ่งของวันที่ 28 เมษายน ค.ศ. 1962 ส่วนในเดือนธันวาคม ค.ศ. 1968 อแดร์ได้ทำการปิดทางแก๊สรั่วขนาดใหญ่ที่แท่นแก๊สและน้ำมันออสเตรเลียที่ห่างออกไปจากชายฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของรัฐวิกตอเรีย[2]

ใน ค.ศ. 1977 เขาและทีมงานของเขา (แอสเกอร์ "บูตส์" แฮนเซน) ได้มีส่วนช่วยในการหยุดบ่อน้ำมันไหลทะลักครั้งใหญ่ที่สุดที่เคยเกิดขึ้นในทะเลเหนือ (และเป็นการไหลทะลักนอกฝั่งครั้งใหญ่สุดของโลก ตามแง่ของปริมาณน้ำมันดิบที่รั่วไหล[7]) ที่แท่นขุดเจาะเอโคฟิสค์บราโว ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ดำเนินการของนอร์เวย์โดยบริษัทฟิลิปส์ปิโตรเลียม (ปัจจุบันคือ โคโนโคฟิลิปส์) โดยใน ค.ศ. 1978 สมาชิกทีมระดับสูงของอแดร์ชื่อ แอสเกอร์ "บูตส์" แฮนเซน และ เอ็ด "คูตส์" แมตทิวส์ ได้ออกไปเพื่อก่อตั้งบริษัทบูตส์แอนด์คูตส์อินเตอร์เนชันแนลเวลคอนโทรลอิงค์ และใน ค.ศ. 1988 เขาได้ทำหน้าที่ในทะเลเหนืออีกครั้ง ที่ซึ่งเขาได้ช่วยทำการดับเพลิงแท่นขุดเจาะน้ำมันที่มีชื่อว่าไพเพอร์อัลฟาของสหราชอาณาจักร เมื่ออแดร์มีอายุได้ 75 ปี เขาได้มีส่วนร่วมในการดับเพลิงบ่อน้ำมันในชุดคูเวต โดยร่นถอยไปจากทัพอิรักภายหลังจากสิ้นสุดสงครามอ่าวเปอร์เซียใน ค.ศ. 1991

อแดร์ได้เกษียณใน ค.ศ. 1993 และขายเรด อแดร์ เซอร์วิส แอนด์ มารีนคอมปะนี ให้แก่โกลบอลอินดัสทรีส์[8] รวมถึงพนักงานระดับสูงของเขา (ไบรอัน กรอส, เรย์มอนด์ เฮนรี, ริช แฮตต์เบิร์ก) ได้ออกไปใน ค.ศ. 1994 และตั้งบริษัทของตัวเองชื่อ อินเตอร์เนชันแนลเวลคอนโทรล (ไอดับเบิลยูซี) ส่วนใน ค.ศ. 1997 บริษัทอินเตอร์เนชันแนลเวลคอนโทรลได้ซื้อส่วนที่เหลืออยู่ของบูตส์แอนด์คูตส์ และบริษัทก็ได้กลายเป็น บูตส์แอนด์คูตส์/ไอดับเบิลยูซี[8] ซึ่งอแดร์ได้เสียชีวิตใน ค.ศ. 2004 สิริอายุได้ 89 ปี[3] และบริษัทบูตส์แอนด์คูตส์/ไอดับเบิลยูซี ได้ถูกขายให้แก่บริษัทฮาลลิเบอร์ตัน เมื่อวันที่ 9 เมษายน ค.ศ. 2010 [9]

แหล่งที่มา

WikiPedia: เรด อแดร์ http://www.theage.com.au/articles/2004/08/09/10920... http://www.bootsandcoots.com/members/history.html http://www.cbsnews.com/2100-201_162-544829.html http://www.halliburton.com/ps/default.aspx?navid=2... http://www.nytimes.com/2004/08/09/us/red-adair-fam... http://www.redadair.com/ http://home.versatel.nl/the_sims/rig/i-blowout.htm http://news.bbc.co.uk/2/hi/americas/2281867.stm http://www.guardian.co.uk/usa/story/0,12271,127922...